การเลี้ยงชวนชมให้ดอกดกและสวยงามนั้น ต้องเลี้ยงกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดด 100 เพราะชอบแดดจัด รดน้ำวันละครั้ง การเตรียมดินสำหรับปลูกควรใช้ดินผสมใบก้ามปูหรือดินขุยไผ่ และมะพร้าวสับอย่างละเท่าๆ กันผสมกันให้ทั่ว ใช้มะพร้าวสับรองก้นกระถางก่อนเพื่อการระบายที่ดี แล้วบำรุงด้วยปุ๋ยคอกผสมมะพร้าวสับ อัตรา 2ต่อ1 ใส่หน้าดินเป็นระยะ ๆ
การตัดแต่งกิ่งทรงพุ่มเพื่อให้ชวนชมออกดอก เมื่อต้นชวนชมปลูกมาได้สมบูรณ์เต็มที่กิ่งทุกกิ่งอ้วนสมบูรณ์ แข็งแรงถ้าไม่สมบูรณ์ก็ไม่ควรตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งเพื่อให้ออกดอกให้ตัดแต่งกิ่งไปตามรูปทรงของต้นไม้หรือจะ เป็นทรงกลมหรือดอกเห็ดก็ได้ ควรตัดกิ่งทุกกิ่งอย่าให้มียอดเล็กยอดน้อยและใบเหลืออยู่หลังจากตัดแต่งเสร็จก็อด น้ำประมาณ 15-20 วันจะเริ่มเห็นตุ่มดอกโผล่ออกมาจากตากิ่งก็เริ่มให้น้ำปกติเพื่อป้องกันดอกฝ่อและแห้ง แล้วบำรุงด้วยปุ๋ยปุ๋ยกล้วยไม้ออคิดส์-โกลด์ สูตรต้นใบ(เขียว) ฉีดพ่นแล้ว เมื่อแตกใบก็ให้ปุ๋ยกล้วยไม้ออคิดส์-โกลด์ สูตรเร่งดอก ไม่ต้องผสมสารจับใบ สูตรเร่งดอก ฉีดพ่นทุก 15 วัน คุณภาพดอกออกเต็มต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่แต่ละสายพันธุ์ ดอกดกกว่าเดิมแน่นอนครับ
เทคนิคให้ดอกดก
28 ก.ค.สายพันธุ์ชวนชมที่นิยมปลูกในประเทศไทย
21 มิ.ย.1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์ , โอบิซุม( Obesum )
– มีโขดขนาดอยู่ใต้ดิน ออกดอกง่าย มีดอกตลอดปี ติดฝักดี ลำต้นแตกแขนงมาก ใบมันสีเขียวอ่อนไม่มีขน
– ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู 5 เส้น
2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )
– ลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่น
2.1) ยักษ์ญี่ปุ่น
2.2) ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ
2.3) ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม
3 สายพันธ์ยักษ์ซาอุหรือยักษ์อาหรับ , อาลาบิคัม ( Arabicum )
– ลำต้นสูงใหญ่ ใบมีขน โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง
4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum )
——————————————————————————————————————–
1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์ , โอบิซุม( Obesum )
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบทางตอนใต้ของซาอีลแทนซาเนีย ซิมบักเวย์ เคนย่า เป็นชนิดแรกที่นำเข้ามาในประเทศไทย สันนิษฐานว่านะจะนำเข้ามาจากดินโดนีเซีย ซึ่ง ชวนชมสายพันธุ์นี้พบเห็นกันทั่วไปในประเทศไทย จนบางครั้งถูกเรียกว่าพันธุ์ไทย หรือพันธุ์พื้นเมือง ลักษณะเด่นของชวนชมชนิดนี้ ลำต้นจะแตกกิ่งแขนงมาก โขดไม่ค่อยใหญ่ ใบมัน ไม่มีขนสีเขียวอ่อน ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู 5 เส้น ต่อมาภายหลังมีการนำเข้าไม้ชนิดนี้จาก สหรัฐอเมริกา ฮอลแลนด์ ไต้หวัน และมีการปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีโขดขนาดใหญ่ขึ้นและสีสรรของดอกมีความหลากหลาย สวยสดงดงาม จัดเป็นไม้สียอดนิยม และมีชื่อเรียกขานมากมายหลายร้อยชื่อ เช่น
มิสไทยแลนด์
แสงรัศมี
แดงสยาม
แดงขอบม่วง
แดงไต้หวัน
แดงมงคล
แดงยูโร
ไพสิฐสตาร์
บี 52
ละอองทอง
มหาลาภ
อั่งเปา
ยูเอสสตาร์
2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )
1) | ยักษ์ญี่ปุ่น | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่แทนซาเนียโซมาเลีย เคนย่า เป็นชวนชมยักษ์ชนิดหนึ่ง ที่มีลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่นชัด ดอกมีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ดอกสีชมพู หรือแดง กรวยดอกมีเส้นสีเหลืองชัดเจน 15-25 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมาก จะทิ้งใบหมดหากกระทบแล้ง และออกดอกตามลำต้นและกิ่งหลัก เคยมีผู้พบเห็นในท้องถิ่นเดิมของอาฟริการายงานว่าสูงกว่า 5 เมตร มีโคนใหญ่กว่าถัง 200 ลิตร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ยักษ์ญี่ปุ่นที่สะสมในไพสิฐฟาร์ม มีดังนี้ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
2) | ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ |
มี ถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่โซมาเลีย แทนซาเนีย เคนย่า เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีโขดกลมอยู่ใต้ดิน ใบเรียวแคบยาวแหลม ขอบใบหยิกเป็นคลื่น ใบมันไม่มีขน ใบมีสีเขียว หรือสีเทาหรือสีน้ำตาล เห็นเส้นใบชัดเจน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู แดง หรือ ลาย กรวยดอกมีเส้นสีชัดเจน ประมาณ 15 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมากช่วงการบานนาน สายพันธุ์นี้นำเข้ามาในประเทศไทยจากแหล่งเพาะพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ปลูกเลี้ยงกันในชื่อ ยักษ์แคระอเมริกา ยักแคระลำลูกกา ลินฟอร์มาซา และอื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด ในปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่าง ประเทศ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบและดอกสีสวยสดงดงามมากมายหลายชนิด จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มลูกผสมยักษ์ญี่ปุ่นแคระ” ปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาทำเป็นไม้สีเสียบยอด และมีการจำหน่ายรวมกันกับไม้สีเสียบยอด” กลุ่มลูกผสมฮอลแลนด์ ” จนบางครั้งหากไม่สังเกตุให้ดี จะแบ่งแยกไม้สองกลุ่มดังกล่าวข้างต้นไม่ค่อยออก |
3) | ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม | ||||||||||
มัก เป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ ในประเทศไทยมักมีการปลูกรวมกันระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ในแหล่งเพาะ เลี้ยงต่างๆ ทำให้เกิดลูกผสมที่หลากหลายและมากมาย และมักได้ลักษณะลูกผสมที่ดีทั้ง ดอก ลำต้น และโขด มากมายนานาชนิด | |||||||||||
* ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม ในไพสิฐฟาร์มที่เด่นๆ มีดังนี้ | |||||||||||
|
3 สายพันธ์อาลาบิคัม , ( Arabicum )
– โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง
มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบคาบสมุทรอาหรับ ทางตอนใต้และตะวันตกของคาบสมุทรอาหรับ ลำต้นสูงใหญ่ ส่วนใหญ่ใบมักมีขนละเอียดนุ่ม ดอกมักมีสีชมพูและมีขนาดเล็ก ออกดอกตามกิ่งก้านหรือลำต้น ฝักมักมีสีแดงเข้ม ฝักและเมล็ดมักมีขนาดใหญ่ ชวนชมชนิดนี้สามารถแบ่งลักษณะลำต้นออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
– ลำต้นสูงแบบไม้ยืนต้น จะมีลำต้นที่สูงชะลูด ลำต้นจะแตกออกจากฐานโขดหลายลำ ลำต้นชี้ขึ้นตรงมักเจริญติบโตในแนวสูงมากกว่าการขยายในแนวราบ อาจสูงได้ถึง 4 เมตร ที่พบเห็นในประเทศไทยเช่น ยักษ์หน้าวัง เป็นต้น
– ลำต้นเตี้ย ลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งหลายแท่งจากฐานโขด มักเจริญเติบโตในแนวราบ มากกว่าแนวสูง ฐานโขดมักมีขนาดใหญ่ โขดอาจมีขนาดใหญ่ถึง 1 เมตร สูงประมาณ 2.50 เมตร ที่พบเห็นในประเทศไทย เช่น ยักษ์เยเมน เป็นต้น
ชวนชมชนิดนี้ส่วนใหญ่ทะยอยนำเข้ามาในประเทศไทย ทั้งเมล็ด กิ่ง และต้น จากผู้ที่เคยทำงานในตะวันออกกลางตลอดระยะเวลาประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งได้มาจากหลายแหล่ง หลายสายพันธุ์ ชวนชมชนิดนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าชวนชมพื้นเมืองทั่วไป เพราะโขดมีขนาดใหญ่กว่ามาก ในบ้านเรานั้นมักเรียกชื่อสายพันธุ์ตามแหล่งที่นำไปเพาะเลี้ยง เช่น ยักษ์ลพบุรี ยักษ์สิงห์บุรี เพชรเมืองคง(โคราช) เป็นต้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันไป ปัจจุบันมีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ไปมาก ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดรุ่นใหม่ในประเทศไทยมีเอกลักษณ์แตกต่างจากสาย พันธุ์ดั้งเดิมมาก
ยักษ์อาหรับ ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้
1)
|
ยักษ์เยเมน < Arabicum : Yak – Yamen> |
2)
|
ยักษ์เกษตร |
3)
|
ยักษ์สิงห์บุรี < Arabicum : Yak-sing-Bu-Ri> |
4)
|
ยักษ์ลพบุรี |
5)
|
ยักษ์หน้าวัง < Arabicum : Yak – Na – Wang> |
6)
|
ยักษ์ดำ-สายสิงห์บุรี |
7)
|
เพชรเมืองคง < Petch Muang Kong > |
8)
|
เพชรหน้าวัง A5 < Petch Na Wang A5> |
9)
|
เพชรหน้าวัง A6 < Petch Na Wang A6> |
10)
|
ยักษ์ดำ – สายโคราช < Black Giant – Korat > |
11)
|
อัศวินดำ – สายโคราช < Black Knight – Korat > |
12)
|
อัศวิน – สาย7 < Black Knight – Sai7 > |
4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum )
ไทย โซโคทรานั่ม < Thai Socotranum >
มีถิ่นกำเนิดในเขตอาหรับตอนใต้ จะพบได้มากที่สุดที่เกาะโซโคทร้าของเยเมน ถือว่าเป็นชวนชมยักษ์ที่แท้จริง มีรายงานว่าพบสูงถึง 6 เมตร โขดกว้างเกือบ 2 เมตรครึ่ง ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเห็นความแตกต่างจากชวนชมชนิดอื่นได้อย่างชัดเจน เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งๆ เดียว ดูคล้ายบอนไซหรือต้นไม้ที่มีรากชี้ฟ้า ส่วนโขดจะมีรากที่ใหญ่บิดงอซับซ้อนสวยงามมาก ดอกดก ออกดอกประมาณปีละ 2 ครั้ง ในฤดูหนาวและฤดูร้อน ดอกสีชมพูมีขนาดเล็ก เวลาออกดอกมักทิ้งใบ ใบมันไม่มีขน สีเขียวเข้ม มีสีเส้นกลางใบชัดเจน
สำหรับประเทศไทยเรา มีผู้ไปทำงานที่ซาอุดิอาราเบีย นำกิ่งปักชำมาปลูกไว้ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “เพชรบ้านนา” นอกจากนั้นยังมีผู้นำเข้าต้นกล้าขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยมาปลูกและเพาะเลี้ยง ที่ ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของ “ยักษ์หนองแหน (ดำริสิทธิโชค) ” ต่อมาภายหลังมีผู้นำลูกไม้ของยักษ์หนองแหนไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเทริงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “เพชรหนองแหน” หรือเจ้าของเรียกว่า “ดำริสิทธิโชค” ต่อมาภายหลังมีผูนำลูกไม้ของเพชรหนองแหน ไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จึงเป็นที่มาของชื่อ “ยักษ์บางคล้า” ในการนำเข้ามาในบ้านเราครั้งแรกนั้น เข้าใจว่าเป็นยักษ์อาหรับหรือยักษ์ซาอุ ธรรมดา ต่อมาภายหลังจึงค้นพบเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความแน่นอนชัดเจน จึงได้แน่ใจกันว่าเป็นสายพันธุ์ “โซโคทรานั่ม”
ตามธรรมชาติชวนชมชนิดนี้ติดฝักค่อนข้างยาก แต่ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีความนึ่งของสายพันธุ์สูงและมักไม่กลาย พันธุ์ จัดเป็นชวนชมสายพันธุ์ที่มีน้อยที่สุดและหาได้ยากมากที่สุด ทั้งในประเทศ และในโลกนี้ ดังนั้นทั้งเมล็ด ต้นกล้า ต้นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จึงมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และมีราคาอยู่ในระดับสูงมาก
เรามีเมล็ด ต้นกล้า ลูกไม้เพาะเมล็ด ไม้เสียบยอด สายพันธไทย ุ์โซโคทรานั่ม นานาชนิดให้ท่านเลือกสรร
ไทย โซโคทรานั่ม ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้
1)
|
เพชรบ้านนา > | ||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||
2)
|
เขาหินซ้อน < Thai Socotraunm : Kao-Hin-Zon> | ||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||
3)
|
เอส 1 | ||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||
4)
|
เพชรกรุงเก่า < Petch Krung Kao> | ||||||||||||||||||||||
5)
|
บางคล้า | ||||||||||||||||||||||
6)
|
ชฏาทอง | ||||||||||||||||||||||
7)
|
ชฏาเพชร | ||||||||||||||||||||||
8) |
มงกุฏทอง < Golden Crow> | ||||||||||||||||||||||
9)
|
มงกุฎเพชร | ||||||||||||||||||||||
10)
|
เพชรกาญจนา | ||||||||||||||||||||||
11)
|
เพชรพระนคร | ||||||||||||||||||||||
เรื่องการดูแลฝักเพชรบ้านนา
18 พ.ค.หลังจากเขี่ยเกสรประมาณ 2 สัปดาห์ ฝักก็จะเริ่มเจริญเติบโต ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเริ่มให้น้ำเพราะถ้าขาดน้ำอาจจะทำให้ฝักล่วงหรือทำ ให้เมล็ดภายในไม่สมบูรณ์ได้ จึงควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยการให้น้ำ
จะให้ในช่วงเช้า ให้พ่อประมาณ หรือจะให้เปียกไปเลยก็ได้ แต่อย่าถึงขั้นท่วมขัง
การให้ทางใบจะเป็นการฉีดอาหารเสริมพวกสาหร่าย กับฮอร์โมนพวก NAA จะช่วยทำให้การเจริญเติบโตของฝักเร็วขึ้นและทำให้ขั้วฝักเหนียวไม่หลุดล่วง ได้ง่าย แล้วยังช่วยทำให้เกสรตัวผู้สมบูรณ์อีกด้วย NAA อัตราที่ใช้ 1-2 cc.ต่อน้ำ 20 ลิตร
พวกสาหร่ายใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร
การใช้ฮอร์โมน NAA ใช้ 2 ครั้ง โดยใช้สัปดาห์ละครั้งก็พอหลังจากนั้นฝักเริ่่มโตแล้วขั้วฝักใหญ่สมบูรณ์ดี ก็หยุดใฃ้ได้แล้วครับส่วนการใส่ปุ๋ยให้ใส่สัปดาห์ละครั้ง ปกติแล้วฝักจะมีอายุประมาณ 3 เดือน ฝักก็จะแก่ ดังนั้นช่วงเดือนที่ 3 ให้หยุดการให้ปุ๋ยได้แล้วครับ และการให้น้ำควรให้น้อยลง ให้ดินมีความชื้นน้อยๆ เพื่อให้ฝักแก่ตามกำหนด คือ 90 วัน ถ้ายังให้น้ำอยู่จะทำให้ฝักแก่ช้าออกไปอีก หรือช่วงฝักแตกจะทำให้ฝักมีความชื้นสูง ก่อนฝักจะแตกประมาณ 3 วันฝักจะเปลี่ยนจากสีเขียว
เป็นสีเขียวอมเหลือง แล้วจะแตกออกให้นำมาแกะออกผึ่งลมไว้สัก
2-3 วัน แล้วนำไปเพาะได้ยังไม่จบนะครับ มาต่อเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับการถือฝักของเพชรบ้านนา และแนวทางในการแก้ไขกัน ครับ
1.ปัญหาติดฝักแล้วล่วง ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ เชื้อราที่มากับน้ำค้างหรือมาตามลมทำให้ขั้วฝักสลัดทิ้ง อีกอย่างหนึ่งก็คือการขาดน้ำอย่าต่อเนื่องเพราะว่าหลายท่านคิดว่าการรดน้ำ อาจจะทำให้ฝักล่วงและต้นไม้จะแตกใบอ่อนไม่ออกดอก เป็นการเข้าใจผิด จริงๆแล้วการที่เราปล่อยให้ไม้พักตัวโดยการ อดน้ำและอากาศหนาวเย็นตามธรรมชาติ ต้นไม้ก็จะออกดอก แต่ช่วงที่ติดผลแล้วควรเริ่มให้น้ำที่ละน้อยจนถึงให้ตามปกติ คือวันละครั้ง แล้วให้ปุ๋ยบ้างตามที่ได้กล่าวมา ต้นไม้จะแตกใบบ้างก็ไม่เป็นไรกลับจะเป็นผลดีเสียอีก เพราะใบจะช่วยส่งอาหารไปเลี้ยงฝักให้เจริญเติบโตได้เร็ว
โดยไม่ต้องดึง อาหารที่ลำต้นที่สะสมไว้ออกมามากเกินไปทำให้ฝักไม่สมบูรณ์เมล็ดรีบได้ ส่วนเรื่องเชื้อราเราแก้ปัญหาโดยการฉีดยากันเชื้อราทุกสัปดาห์ การฉีดควรสลับชนิดของยาไปเรื่อยๆอย่าให้ซ้ำเพราะจะทำให้เชื้อราดื้อยาได้ การติดฝักมากไปในกิ่งเดียวกันก้อาจสลัดฝักทิ้งได้เหมือนกัน ครับ
2.ปัญหา ฝักล่่วงดเพราะถูกน้ำฝน ผมเคยได้ฝังมาจากหลายท่านว่าในน้ำฝนมีไนโตรเจนสูงทำให้ชวนชมสลัดฝักทิ้ง จริงๆแล้วเป็นคำตาบที่ผิด ความจริงความคิดหลายอย่างที่ผมว่ามัไม่ถูกต้องนักแต่บางครั้งเป็นความเห็น ของผู้รู้ทั้งนั้นผมเองก็ไม่อยากขัด เรามาดูสาเหตุของการสลัดฝักของชวนชมและวิธีการป้องกันและแก้ไขกันดีกว่าก่อน อื่นต้องตั้งคำถามก่อนว่าในน้ำฝนมี N อยู่กี่ % แต่ที่รู้ๆในปุ๋ยสูตร 16-16-16 มี N อยู่ 16 %แน่นอนหมายความว่าในปุ๋ย 100 ก.ก.มี N อยู่ 16 ก.ก ผมลองใส่ปุ๋ยเข้าไปอย่างเต็มที่ก็ไม่เห็นฝักของชวนชมจะล่วง แต่โดนฝนแล้วมันล่วงได้อย่างไร สาเหตุที่จริงก็คือระหว่างข้อป้องของขั้วผลไม้ ฝักชวนชมด้วยเช่นกันถ้าถุกน้ำฝนที่มีสารหลายอย่างร่วมทั้งไนโตรเจนด้วย จะทำให้ขัวของผลไม้เกิดฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอทธิลีนที่สามรถทำให้ผลไม้สุกและขั้วหลุดล่วงได้ การปล้องกันทำได้ 3 วิธี คือ 1 ทำให้ไม้ออกดอกก่อนฤดูกาลแล้วให้ฝักแก่ก่อนที่จะโดนฝนวิธีที่ 2 ถ้าถูกฝนให้รีบฉีด ฮอร์โมน NAA จะช่วยให้ขั้วเหนียวไม่หลุดง่าย วิธีสุดท้าย สร้างโรงพลาสติกสำหรับเก็บแม่พันธุ์ ครับ
3.ปัญหาเรื่องเน่าปลายฝัก
ก็มีการวิเคราะห์กันไปหลายสาเหุต บางคนว่าเป็นเชื้อรา บางคนว่าเป็นสาเหตุมาจากความเค็มของมือที่ไปจับถูก บางคนก็ว่ามาจากการฉีดปุ่ย ยา ฮอร์โมน มากเกินไป บ้างคนบอกขาดธาตุอาหารบางอย่าง แต่ที่คิดตรงกับผมก็มีนะครับก็คือถูกแมลงมาวางไข่เช่นพวกมวนแดงฝ้ายและแมลง วันทอง โดยการต่อยและวางไข่ การป้องกัน ก็คือเมื่อติดฝักก็ควรจะเริ่มฉีดยาฆ่าแมลงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และนำถุงนิรภัยใส่ตั้งแต่ฝักขนาดพอจะเริ่มห่อได้ ก็ห่อได้เลยครับ ถ้ามันเกิดเน่าไปแล้วล่ะทำอย่างไรเห็นเมื่อไหร่ให้รีบใช้มีดตัดออกและใช้ปูน แดงทา อาจจะช่วยได้ แต่ถึงอย่างไรฝักก็จะแก่ก่อนกำหนดอยู่ดี เมล็ดที่ได้จะสมบูรณ์ไม่ 100 %
ความยาวยาวของฝักที่โตเต็มที่ ครับ
ชวนชมดอกซ้อน
4 พ.ค.คัดลอกมาจากนิตยสารไม้ดอกไม้ประดับ (ปักษ์ แรก เมษายน 2553)
เอาแต่ใจความสำคัญ ละ กัน
ในวงการรู้กันดีว่าผู้พัฒนาชวนชมดอกซ้อน ได้เป็นคนแรกคือ “เฮียคุง” สวนหัสดี และเขาน่าจะเป็นคนแรกที่รู้ว่า หากนำเกสรตัวผู้ของ “แดนซิ่งเลดี้” ซึ่งเป็นชวนชมดอกซ้อนต้น ตำรับจากใต้หวันมาเข้ากับเกสรตัวเมียของชวนชมไม้สีพันธุ์อื่น ลูกที่ได้จะมีเปอร์เซ็นต์ได้ลูกไม้ซ้อนสูง เพียงแต่เขากุมความลับนั้นไว้อย่างใจเย็นเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี กว่าที่เขาจะคายความลับนั้นออกมา เขาก็มีดอกซ้อนพันธุ์เด็ดออกมาหลายเบอร์แล้ว ซึ่งแต่ละเบอร์สร้างความฮือฮาให้กับวงการทั้งสิ้น และที่สำคัญก่อนเปิดตัวเขาได้นำลูกไม้ดอกซ้อนไปพัฒนาต่อในเจเนอเรชั่น ที่ 2 ที่ 3 แล้วจนยากที่ใครจะตามทัน นี่คือความเหนือชั้นที่เกิดจากฝีมือและความใจเย็นสุด ๆ
(สรุป คนไทยนี้เก็ง จริง ๆ) ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงไม้ครับ
ที่มา:http://www.pantown.com/board.php?id=3402&area=4&name=board4&topic=2377&action=view
การตัดแต่งกิ่งชวนชม
26 มี.ค.ธรรมชาติของชวนชมจะมีลักษณะทรงต้นและการบิดตัวที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีการตัดแต่งบังคับรูปทรงให้เป็นไปตามต้องการ โดยเฉพาะชวนชมที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปหรือต้นที่โตแล้ว มีกิ่งก้านสาขาเก้งก้างไม่เป็นพุ่มสวยงาม การตัดกิ่งควรตัดกิ่งก้านที่แตกออกมาเกะกะไม่เป็นระเบียบ กิ่งที่พาดทับกันไปมา กิ่งที่ตาย กิ่งที่ฉีกหัก กิ่งที่คดไปมา และกิ่งที่เป็นโรคออกบ้าง เพื่อช่วยเปิดให้แสงและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ลักษณะทรงพุ่มเป็นระเบียบสวยงาม สำหรับพันธุ์ที่ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน สูงชะลูด ลำต้นอาจหักเมื่อโดนลมแรง อาจตัดยอดไปขยายพันธุ์ เพื่อให้ส่วนโคนที่เหลือแตกกิ่งออกมาใหม่ การตัดควรใช้มีดที่คมและสะอาดตัดให้ชิดลำต้น ไม่ควรเหลือตอกิ่งไว้ ถ้ารอยตัดมีขนาดโตกว่า 1 ซม. ควรใช้ปูนแดงทาที่รอยตัดเพื่อป้องกันเชื้อรา
การเพาะเลี้ยงชวนชมที่จะให้เจริญเติบโตเร็ว
25 มี.ค.การเพาะเลี้ยงชวนชมที่จะให้เจริญเติบโตเร็ว และสมบูรณ์ จะต้องเข้าใจถึงธรรมชาติเสียก่อน
ลักษณะของชวนชมเป็นไม้ประเภทสะสมอาหารซึ่งแบ่งการสะสมอาหารออกเป็น สองชนิด คือ สะสมอาหาร
ทางราก ได้แก่พวกฮอลแลนด์ และประเภทสะสมอาหารทางลำต้น เช่น พวกโซโค การสะสมอาหารของพืช
ตามธรรมชาติจะเป็นการเก็บอาหารและน้ำไว้ใช้ในฤดูการที่ขาดน้ำและอาหาร โดยเฉพาะ ต้นที่ขึ้นอยู่ตาม
ทะเลทรายและซอกหินตามภูเขา บางต้นที่เห็นกันในรูป อาจจะมีอายุเป็น 100 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะ
เป็นการเจริญเติบโตแบบธรรมชาติ ถ้าจะให้การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จะต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
อันดับแรก จะต้องคอยเปลี่ยนดินและเปลี่ยนกระถางบ่อยๆ ดินที่ปลูกจะต้องมีความโปร่ง ระบายน้ำดี
การใส่ปุ๋ยให้ใช้ปุ๋ยคอกควบคู่กันกับปุ๋ยเคมี ในช่วงฤดูฝนควรใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ให้ดูแหล่งที่มา
ของปุ๋ยแต่ละตราด้วย ให้ใช้ปุ๋ยที่มาจากทางแถบ ยุโรป หรืออเมริกา ในช่วงฤดูแล้งต้นไม้ส่วนใหญ่
จะเริ่มสะสมอาหารและพักตัว เพื่อเตรียมออกดอกขยายพันธุ์ ถ้าอยากให้โตเร็วจะต้องให้ปุ๋ยสูตร
16-16-16 และใช้ปุ๋ยน้ำชีวะภาพช่วยให้ดินปรับสภาพ การให้ปุ๋ยเคมีแต่ละครั้งจะต้องให้น้อยๆ แต่
ให้บ่อยๆ ประมาณ 7 วัน ครั้ง จะทำให้ต้นไม้โตเร็ว และใช้ประโยขน์จากปุ๋ยได้เต็มที่ สิ่งที่จะต้องหา
มาใส่ คือสารปรับสภาพดิน ที่มีธาตุอาหารเสริมผสมอยู่ด้วย เช่นซุปเปอร์เทอร์โบ สารพวกนี้จะช่วย
ปรับ ความเป็นกรดเป็นด่างให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมทำให้พืชดูดซึมปุ๋ยไปใช้ได้ดีขึ้น สำหรับชวนชม
ประเภทโซโค ถ้าเร่งมากเกินไปอาจทำให้กิ่งก้านยืดยาวผิดปกติ ไม่สวย แต่ถ้าเลี้ยงจนได้ขนาดแล้ว
ก็ควรเลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติบ้าง จะทำให้สภาพของลำต้น และกิ่งกลับมาตรงตามสายพันธุ์ของ
เขาเอง
วิธีทำให้ชวนชมโขดใหญ่
25 มี.ค.เริ่มจากเพาะเมล็ดครับ ต้องใจเย็นถ้าอยากได้โขดใหญ่ ตอนแรกที่เพาะ เน้นรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ และวางไว้ร่มรำไร เลี้ยงไปจนต้นเค้าเท่านิ้วชี้ น่าจะราวๆ 2-3 เดือน จึงแยก แล้วย้ายลงกระถาง พร้อมเฝ้าดูการโต
ตอนนี้เริ่มออกแดดเต็มวัน และเฝ้าดูยอดและการแตกใบครับ ที่เขียนมามีตกทริกอยู่ที่ตรงนี้ครับเรื่องการริดใบเบื่อบีบข้อให้ถี่ ทำฟอร์ม เลี้ยงฟอร์ม บังคับข้อ
การริดใบ ไม่รู้เรียกถูกมั้ย แต่ที่ทำคือ ตัดใบทิ้งในตำแหน่งเกือบจะก้านใบเพื่อบังคับให้เค้าทิ้งใบข้อจะได้สั้นๆ การริดให้ทำทุกใบ ยกเว้นใบที่อยู่ยอด จะริดก็ได้แต่ให้เหลือไว้เยอะหน่อยครับ และให้ทำวันที่แดดจัดๆ
ตอนนี้ทำแค่ริดใบก่อนครับ แล้วก็คอยบำรุงเค้าให้ดี ทั้งน้ำปุ๋ยแดด พอผ่านไปซัก 3 เดือน ค่อยเปลี่ยนดิน
หลังเปลี่ยนดินและเลี้ยงไปได้หน่อย ก็มาการทำฟอร์ม หรือการทำให้แตกกิ่ง ข้อนี้ง่ายๆครับ ปกติกิ่งที่อยากให้แตก ก็จะเป็น 2 กิ่ง ซ้าย หรือขวา หรือรอบทิศ วิธีก็คือถ้าต้องการให้แตกกิ่ง เราก็จัดการดึงใบตรงนั้นให้เกิดแผล วิธีดึงให้ดึงใบลงด้านล่างจนหลุดใบออก จะได้แผลขึ้นมา 1 แผล เรื่องตำแหน่ง ความสูง กะเองตามใจชอบนะครับ
ถ้ากิ่งแตกออกมาแล้ว ทีนี้ใบตรงปลายยอดหลักที่เราริดให้ยาวไว้ ก็เริ่มริดให้สั้นได้แล้ว หันมาริดและเหลือยอดใหม่แทนครับ
ทีนี้ก็น่าจะประยุกต์ใช้กันได้แล้วครับ
การผสมพันธุ์
17 มี.ค.ดอกชวนชมเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน แต่เกสรตัวผู้และตัวเมียมีระยะเวลาการสุกหรือแก่ไม่พร้อมกัน เกสรตัวผู้จะฝ่อเร็วกว่า ดังนั้นการผสมเกสรจึงมักเกิดจากการผสมของเกสรตัวผู้ของดอกอื่น การผสมพันธุ์ชวนชมเพื่อให้ได้พันธุ์ชวนชมพันธุ์ใหม่หรือลูกไม้ใหม่ที่มี ลักษณะแตกต่างไปจากต้นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มักเป็นการช่วยผสมเกสรโดยมนุษย์ การผสมเกสรมีหลักสำคัญคือ ต้องคัดเลือกต้นพ่อแม่พันธุ์ที่มีทรงดอกสวย สีสวย ดอกบานทน แข็งแรง ต้นพ่อแม่พันธุ์ที่ดีจะทำให้มีโอกาสมากที่จะได้พันธุ์ลูกผสมที่ดี เวลาที่เหมาะในการผสมเกสรคือช่วงเช้าเวลา 5.00-8.00 น. และช่วงเย็นเวลา 19.00-20.30 น. เลือกดอกพ่อพันธุ์ที่บานแล้ว 2-3 วัน ดึงระยางค์ทั้งห้าเส้นออกมาเบาๆ จะเห็นเกสรตัวผู้เหมือนเม็ดทรายเล็กๆ สีเหลืองอมเขียวอยู่รวมกันเป็นกลุ่มภายในดอก บีบโคนและคลึงเบาๆ ให้ส่วนโคนของระยางค์ที่หุ้มปิดเกสรตัวผู้เปิดออก ใช้พู่กันขนาดเล็กที่สะอาดป้ายละอองเกสรตัวผู้ให้ติดปลายพู่กันขึ้นมาเบาๆ เลือกดอกแม่พันธุ์ที่บานแล้ว 2-3 วัน ดึงระยางค์ทั้งห้าเส้นออกจากดอกแม่พันธุ์ บีบบริเวณโคนกลีบดอกและคลึงเบาๆ ให้อับที่หุ้มเกสรตัวเมียเปิดออก ถ้ามีละอองเกสรตัวผู้ของดอกแม่พันธุ์ติดอยู่ให้เขี่ยออกก่อน แล้วใช้พู่กันที่มีละอองเกสรตัวผู้ของดอกพ่อพันธุ์ป้ายลงไปที่หลอดเกสรตัว เมียเบาๆ ดอกชวนชมที่ได้รับการผสมแล้วจะติดฝัก 1 ดอกจะได้ 2 ฝักอยู่ติดกันคล้ายเขาควาย เมื่ออายุมากขึ้นฝักจะเหยียดตรง ระยะที่เริ่มติดฝักจนถึงเมล็ดแก่ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ในหนึ่งฝักจะมีเมล็ด 80-150 เมล็ด เมล็ดจะมีขนเป็นปุยที่หัวและท้ายเมล็ด สามารถปลิวตามลมไปงอกในที่ไกลออกไปได้ ดังนั้นเมื่อฝักเริ่มแก่และเริ่มปริจึงควรเก็บเมล็ดไปเพาะก่อนที่เมล็ดจะ ปลิวไปหมด
เทคนิค การให้ชวนชมออกดอกดกพร้อมกันทั้งต้น
16 มี.ค.1. ดอกออกตามฤดูการ ชวนชมจะออกดอกสองครั้งต่อปีครับประมาณปลายเดือน พย. ไป ถึง ปลาย มค. และอีกช่วงคือเดือน เม.ย.ถึงเดือน พค. ครับ แต่ที่ออกมากสุดก็เป็นช่วงหนาวครับ เมื่อเรารู้ธรรมชาติอย่างนี้แล้วก็ต้องเฝ้าสังเกตครับ ว่าเมื่อเห็นชวนชมเริ่มแตกตาดอก หรือบางพันธุ์ใบจะร่วง(ไม่โรคนะให้ดูดีๆหน่อย) เราก็ช่วยส่งดอก ถ้าเราอยากให้ออกเต็มๆโดยการงดน้ำครับ ประมาณ 10 วัน พอดอกเริ่มจะบานก็รีบให้น้ำครับจะช่วยให้ดอกอยู่ทน นานกว่าปกติครับ การสังเกตธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งคือช่วงปลายฝนต้นหนาวครับ ถ้าเราสังเกตจะพบว่าไม้เมื่อได้รับน้ำเต็มจากช่วงฝนแล้ว เมื่อฝนหยุดตกก็จะตีดอกเพื่อผสมพันธุ์นั้นเองครับ เมื่อรู้เวลานั้นเราก็ส่งดอกโดยการไม่รดน้ำครับดอกก็จะออกเต็มเลยครับ
2. ทำดอกโดยหลอกธรรมชาติ มีหลักการนิดเดียวครับหลอกให้ต้นไม้ว่าตัวมันจะตาย พอไม้รู้ว่ามันจะตายก็จะสืบพันธุ์เพื่อรักษาความสมดุลตัวมันใว้กับธรรมชาติ นั้นเอง ถ้าไม้ดอกก็จะออกดอก ถ้าไม้ใบก็จะแตกกิ่งแตกใบ ฟังดูแล้วอาจจะงงๆอยู่บ้าง ผมขอยกตัวอย่างดังนี้
a. ถอดรากหรือล้างราก หรือโยกโคนต้นให้รากฝอยขาด แต่ไม่เกี่ยวกับที่บางท่านถอดไม้แขวนนะครับเหตุผลต่างกัน การทำแบบนี้นั้นต้นไม้กว่าตัวเองตายครับ เมื่อเราลงปลูก หรืองดน้ำไม้ก็จะตีดอก วิธีนี้เราอาจจะตัดไปช่วยก็ได้นะครับ วิธีการนี้บรรดาเซียนๆจะใช่แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไหร่ ไม้บางตัวโดยกลุ่มฮอลแลนด์จะใช้แบบนี้โดยกำหนดวันได้เลยเช่น ช๊อกกี้พิ้ง ก็ประมาณ 30-35 วัน หลังถอนล้างรากแล้วปลูกใหม่ก็จะเห็นดอก ส่วน ราชินีก็ประมาณ 45 วันครับ
b. การเปลี่ยนดิน เหตุผลคงเหมือนประเด็นแรก ถ้าเราสังเกตหน่อยว่าทำไหมหลังเปลี่ยนดินแล้วใบร่วงจากนั้นก็ออกดอก เหตุผลก็คือรากฝอยกระเทือนนั้นเอง
3. ทำดอกโดยสารเคมี วิธีนี้จะใช้กันมากสำหรับเจ้าของสวนที่ทำไม้เสียบสีขาย(ฮอลแลนด์) ตัวยาผมจะหาให้อีกทีนะครับจำชื่อไม่ได้ขอติดไว้ก่อน ยาที่ว่าก็เร่งดอกนั่นเอง ส่วนผสมก็น่าจะมีพวกแคลเซียมมากๆหน่อย หรือถ้าใครมีเพื่อนเล่นบอนไซก็ถามดูกำด้ว่าเขาใช้ยาอะไรสำหรับเร่งให้ไม้แตก กิ่งตา ผมเคยซื้อไม้สีมาจากสวนตอนอยู่ทีสวนเขาออกดอกดีมากๆๆแต่พอมาอยู่ทีผมไม่ออก ดอกเลย นี้คือเหตุผลที่ผมไม่ใช้สารเคมีครับ