เทคนิคให้ดอกดก

28 ก.ค.

การเลี้ยงชวนชมให้ดอกดกและสวยงามนั้น ต้องเลี้ยงกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดด 100 เพราะชอบแดดจัด รดน้ำวันละครั้ง การเตรียมดินสำหรับปลูกควรใช้ดินผสมใบก้ามปูหรือดินขุยไผ่ และมะพร้าวสับอย่างละเท่าๆ กันผสมกันให้ทั่ว ใช้มะพร้าวสับรองก้นกระถางก่อนเพื่อการระบายที่ดี แล้วบำรุงด้วยปุ๋ยคอกผสมมะพร้าวสับ อัตรา 2ต่อ1 ใส่หน้าดินเป็นระยะ ๆ
การตัดแต่งกิ่งทรงพุ่มเพื่อให้ชวนชมออกดอก เมื่อต้นชวนชมปลูกมาได้สมบูรณ์เต็มที่กิ่งทุกกิ่งอ้วนสมบูรณ์ แข็งแรงถ้าไม่สมบูรณ์ก็ไม่ควรตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งเพื่อให้ออกดอกให้ตัดแต่งกิ่งไปตามรูปทรงของต้นไม้หรือจะ เป็นทรงกลมหรือดอกเห็ดก็ได้ ควรตัดกิ่งทุกกิ่งอย่าให้มียอดเล็กยอดน้อยและใบเหลืออยู่หลังจากตัดแต่งเสร็จก็อด น้ำประมาณ 15-20 วันจะเริ่มเห็นตุ่มดอกโผล่ออกมาจากตากิ่งก็เริ่มให้น้ำปกติเพื่อป้องกันดอกฝ่อและแห้ง แล้วบำรุงด้วยปุ๋ยปุ๋ยกล้วยไม้ออคิดส์-โกลด์ สูตรต้นใบ(เขียว) ฉีดพ่นแล้ว เมื่อแตกใบก็ให้ปุ๋ยกล้วยไม้ออคิดส์-โกลด์ สูตรเร่งดอก ไม่ต้องผสมสารจับใบ สูตรเร่งดอก ฉีดพ่นทุก 15 วัน คุณภาพดอกออกเต็มต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่แต่ละสายพันธุ์  ดอกดกกว่าเดิมแน่นอนครับ

สายพันธุ์ชวนชมที่นิยมปลูกในประเทศไทย

21 มิ.ย.

1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์  , โอบิซุม( Obesum )
– มีโขดขนาดอยู่ใต้ดิน ออกดอกง่าย มีดอกตลอดปี ติดฝักดี ลำต้นแตกแขนงมาก ใบมันสีเขียวอ่อนไม่มีขน
– ดอกสีชมพู  กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู  5  เส้น

 

2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )
– ลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย  ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่น
2.1) ยักษ์ญี่ปุ่น 
2.2) ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ 
2.3) ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม

 

 

3 สายพันธ์ยักษ์ซาอุหรือยักษ์อาหรับ ,   อาลาบิคัม ( Arabicum )
– ลำต้นสูงใหญ่ ใบมีขน โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง

 

 

4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum )

——————————————————————————————————————–

1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์  , โอบิซุม( Obesum )

  มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบทางตอนใต้ของซาอีลแทนซาเนีย ซิมบักเวย์  เคนย่า  เป็นชนิดแรกที่นำเข้ามาในประเทศไทย  สันนิษฐานว่านะจะนำเข้ามาจากดินโดนีเซีย  ซึ่ง ชวนชมสายพันธุ์นี้พบเห็นกันทั่วไปในประเทศไทย  จนบางครั้งถูกเรียกว่าพันธุ์ไทย หรือพันธุ์พื้นเมือง  ลักษณะเด่นของชวนชมชนิดนี้ ลำต้นจะแตกกิ่งแขนงมาก  โขดไม่ค่อยใหญ่  ใบมัน  ไม่มีขนสีเขียวอ่อน ดอกสีชมพู  กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู  5  เส้น ต่อมาภายหลังมีการนำเข้าไม้ชนิดนี้จาก สหรัฐอเมริกา ฮอลแลนด์  ไต้หวัน  และมีการปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีโขดขนาดใหญ่ขึ้นและสีสรรของดอกมีความหลากหลาย สวยสดงดงาม จัดเป็นไม้สียอดนิยม และมีชื่อเรียกขานมากมายหลายร้อยชื่อ เช่น

มิสไทยแลนด์ 
แสงรัศมี 
แดงสยาม 
แดงขอบม่วง
แดงไต้หวัน 
แดงมงคล 
แดงยูโร 
ไพสิฐสตาร์ 
บี 52  
ละอองทอง
มหาลาภ
อั่งเปา
ยูเอสสตาร์

2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )

1) ยักษ์ญี่ปุ่น
       มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่แทนซาเนียโซมาเลีย เคนย่า เป็นชวนชมยักษ์ชนิดหนึ่ง  ที่มีลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย  ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่นชัด  ดอกมีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ดอกสีชมพู หรือแดง  กรวยดอกมีเส้นสีเหลืองชัดเจน 15-25 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมาก  จะทิ้งใบหมดหากกระทบแล้ง และออกดอกตามลำต้นและกิ่งหลัก  เคยมีผู้พบเห็นในท้องถิ่นเดิมของอาฟริการายงานว่าสูงกว่า 5 เมตร มีโคนใหญ่กว่าถัง 200 ลิตร
   
  ยักษ์ญี่ปุ่นที่สะสมในไพสิฐฟาร์ม มีดังนี้
 
1.1) ยักษ์ญี่ปุ่นใบเงิน  มีลักษณ์ดังนี้
  –  ใบสีเงินมันวาว  ไม่มีขน  ใบเรียว  ปลายใบแหลม
  –  มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง  สำต้นมีขนาดใหญ่
  –  ดอกดก  ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน  ดอกมีขนาดกลางๆ  ดอกสีแดงเข้ม กรวยดอกมีลายเส้นสีเหลืองชัดเจน  เวลาออกดอกมักทิ้งใบ
  –  ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก  ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบสีเงินมันวาว มีลำต้นขนาดใหญ่ และแข็งแรง
   
   
1.2) ยักษ์ญี่ปุ่นใบด่าง  มีลักษณะดังนี้
  –  ใบด่าง  มีทั้งสีเหลืองสลับเขียวปนขาว  ใบห่อ ใบมัน ไม่มีขน  ใบเรียว  ปลายใบแหลม
  –  มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง  สำต้นสีขาวนวล
  –  ดอกดก  ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน  ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลืองอ่อน  มีเส้นกรวยดอกสีเหลืองชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ
  –  ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดใบไม่ด่าง แต่มีลักษณะที่ดี  โตเร็วและแข็งแรง
   
   
1.3) ยักษ์ญี่ปุ่นกิ่งแดง  มีลักษณะดังนี้
  –  ลำต้นกิ่งก้านสีน้ำตาลอมแดง  ลำต้นมีขนาดใหญ่และแข็งแรง
  –  ใบยาวเรียว ปลายใบมน  ใบสีเขียว ใบมัน ไม่มีขน มีเส้นกลางใบสีขาวชัดเจน
  –  ดอกดก  ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน  ดอกมีขนาดเล็ก  ดอกสีชมพู  กลีบดอกสีแดง  เส้นกรวยดอกสีแดงและชัดเจน
  –  ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก  ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดใหญ่เรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี  โตเร็ว และแข็งแรง
   
   
1.4) ยักษ์ญี่ปุ่นกำแพง  มีลักษณะดังนี้
  –  ปลายกิ่งของลำต้นจะแตกเป็นกำแพง  ออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ   และออกดอกตามลำต้น  ดอกสีชมพูอ่อน  เส้นกรวยดอกสีแดง ดอกดกมาก  เวลาออกดอกมักทิ้งใบ  ทำให้เห็นดอกเต็มต้น  แลดูสวยงามมาก
  –  ใบสีตองอ่อน  เรียวยาว  มีเส้นสีขาวกลางใบชัดเจน
  –  ลำต้นสีขาวนวล  มีกิ่งก้านค่อนข้างอ่อน  ไม่แข็งแรง
  –  ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ  ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดเรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะคล้ายต้นแม่ ดอกดกและออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ
1.5) ยักษณ์ญี่ปุ่นใบมัน  มีลักษณะดังนี้
  –  ใบมันวาวเขียวเข้ม  ใบมนป้าน  มีเส้นใบสีขาวชัดเจน
  –  มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง  ลำต้นสีเทาอมเขียว
  –  ดอกดก  ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน  ดอกมีขนาดเล็ก  ดอกสีชมพู  กลีบดอกสีชมพูเข้ม เส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน  เวลาออกดอกมักทิ้งใบ
  –  ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ  ฝักมีขนาดปานกลาง  เมล็ดเรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี  โตเร็วและแข็งแรง
   
   
1.6) ยักษ์ญี่ปุ่นใบเล็ก  มีลักษณะดังนี้
  –  ใบเรียวเล็ก ปลายใบแหลม สีเขียวตองอ่อน มีเส้นใบชัดเจน  เส้นกลางใบด้านโคนใบสีแดง
  –  มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง  ลำต้นสีเทาอมเขียว  มีลำต้นขนาดใหญ่
  –  ดอกรูปดาว  สีชมพู  กลีบดอกสีชมพูเข้ม  ดอกมีขนาดเล็ก  มีเส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน
  –  ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก  ฝักมีขนาดปานกลาง  เมล็ดเรียวยาว
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี  โตเร็วและแข็งแรง
2) ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ
  มี ถิ่นกำเนิดในอาฟริกา  พบที่โซมาเลีย  แทนซาเนีย เคนย่า  เป็นไม้พุ่มเตี้ย  มีโขดกลมอยู่ใต้ดิน  ใบเรียวแคบยาวแหลม  ขอบใบหยิกเป็นคลื่น  ใบมันไม่มีขน ใบมีสีเขียว หรือสีเทาหรือสีน้ำตาล  เห็นเส้นใบชัดเจน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู แดง หรือ ลาย  กรวยดอกมีเส้นสีชัดเจน ประมาณ 15 เส้น  เป็นไม้ที่ออกดอกดกมากช่วงการบานนาน  สายพันธุ์นี้นำเข้ามาในประเทศไทยจากแหล่งเพาะพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ปลูกเลี้ยงกันในชื่อ  ยักษ์แคระอเมริกา  ยักแคระลำลูกกา ลินฟอร์มาซา    และอื่นๆ  อีกมากมายหลายชนิด  ในปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่าง ประเทศ  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบและดอกสีสวยสดงดงามมากมายหลายชนิด  จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มลูกผสมยักษ์ญี่ปุ่นแคระ”   ปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาทำเป็นไม้สีเสียบยอด และมีการจำหน่ายรวมกันกับไม้สีเสียบยอด” กลุ่มลูกผสมฮอลแลนด์ ”  จนบางครั้งหากไม่สังเกตุให้ดี  จะแบ่งแยกไม้สองกลุ่มดังกล่าวข้างต้นไม่ค่อยออก

 

3) ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม
  มัก เป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ ในประเทศไทยมักมีการปลูกรวมกันระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ในแหล่งเพาะ เลี้ยงต่างๆ ทำให้เกิดลูกผสมที่หลากหลายและมากมาย และมักได้ลักษณะลูกผสมที่ดีทั้ง ดอก ลำต้น และโขด มากมายนานาชนิด
   
  * ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม ในไพสิฐฟาร์มที่เด่นๆ มีดังนี้
 
3.1) ยักษ์ ญี่ปุ่นลูกผสม “ศรีไพสิฐ” เป็นไม้เพาะเมล็ดเป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ อายุ 10 ปี โขดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 70-80 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.20 เมตร โขดลำต้นและใบมีสีเขียว ดอกสีชมพู กลีบดอกด้านนอกสีแดง ดอกมีขนาดปานกลาง ออกดอกดกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็ดมีขนาดยาวและใหญ่กว่ายักษ์ญี่ปุ่นแท้ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโรเร็๋วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่าฮอลแลนด์ 1-2 เท่าตัว ลำต้นมักขึ้นเป็นลำต้นเดียวมีขนาดใหญ่ โขดลำต้นและใบมีสีเขียวสด ดอกสีชมพูอมแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสียบยอดไม้เดี่ยว (ยอดเดี่ยว) เพราะโขดโตไว โขดสีสวยและมีรูปทรงที่ดี หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง
   
   
3.2) ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม “ยักษ์กอ”
  สันนิษฐาน ว่าเป็นไม้ลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับ ชวนชมสายพันธุ์อื่นๆ หลายสายพันธุ์ ไม่มีใครระบุสายพันธุ์ได้แน่นอน บ้างก็ว่าน่าจะเป็น “มัลติฟอรัม ” มีลักษณะโครงสร้างลำต้นทั่วไปคล้ายชวนชมพื้นเมือง เจริญเติบโตเร็ว ต้นแม่เป็นกิ่งปักชำล้ำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 นิ้ว สูงกว่า 2 เมตร ลักษณะเด่นที่แยกได้ชัดเจนคือ ใบมีสีเขียวอมเทาเป็นมัน มีเส้นสีแดงกลางใบเห็นได้ชัดเจน มีลักษณะใบคล้ายยักษ์ญี่ปุ่น ดอกสีชมพูมีขนาดปานกลาง กลีบดอกแหลม ระยางค์อันเรณูยาวเลยส่วนกรวยดอก ออกดอกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็๋ดสมบูรณ์ใหญ่ป้อม ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่า ฮอลแลนด์ 1-2 เท่า ลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือ ลำต้นจะแตกเป็นกอ จากโขดประมาณ 4-6 ลำ มีเส้นกลางใบสีแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสืยบไม้พุ่ม (เสียบหลายยอด) เพราะโขดโตไวและมีลำต้นหลายลำ หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นที่เป็นกอที่สวยงาม

 

3 สายพันธ์อาลาบิคัม , ( Arabicum )
– โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง
มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบคาบสมุทรอาหรับ  ทางตอนใต้และตะวันตกของคาบสมุทรอาหรับ  ลำต้นสูงใหญ่  ส่วนใหญ่ใบมักมีขนละเอียดนุ่ม  ดอกมักมีสีชมพูและมีขนาดเล็ก  ออกดอกตามกิ่งก้านหรือลำต้น ฝักมักมีสีแดงเข้ม  ฝักและเมล็ดมักมีขนาดใหญ่  ชวนชมชนิดนี้สามารถแบ่งลักษณะลำต้นออกเป็น  2  ลักษณะดังนี้
–  ลำต้นสูงแบบไม้ยืนต้น  จะมีลำต้นที่สูงชะลูด  ลำต้นจะแตกออกจากฐานโขดหลายลำ  ลำต้นชี้ขึ้นตรงมักเจริญติบโตในแนวสูงมากกว่าการขยายในแนวราบ  อาจสูงได้ถึง  4  เมตร  ที่พบเห็นในประเทศไทยเช่น  ยักษ์หน้าวัง  เป็นต้น
–  ลำต้นเตี้ย  ลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งหลายแท่งจากฐานโขด  มักเจริญเติบโตในแนวราบ  มากกว่าแนวสูง  ฐานโขดมักมีขนาดใหญ่  โขดอาจมีขนาดใหญ่ถึง 1 เมตร  สูงประมาณ 2.50 เมตร  ที่พบเห็นในประเทศไทย เช่น  ยักษ์เยเมน เป็นต้น
           ชวนชมชนิดนี้ส่วนใหญ่ทะยอยนำเข้ามาในประเทศไทย  ทั้งเมล็ด กิ่ง และต้น จากผู้ที่เคยทำงานในตะวันออกกลางตลอดระยะเวลาประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา  ซึ่งได้มาจากหลายแหล่ง  หลายสายพันธุ์  ชวนชมชนิดนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าชวนชมพื้นเมืองทั่วไป เพราะโขดมีขนาดใหญ่กว่ามาก  ในบ้านเรานั้นมักเรียกชื่อสายพันธุ์ตามแหล่งที่นำไปเพาะเลี้ยง เช่น ยักษ์ลพบุรี  ยักษ์สิงห์บุรี  เพชรเมืองคง(โคราช) เป็นต้น  ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันไป  ปัจจุบันมีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ไปมาก  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดรุ่นใหม่ในประเทศไทยมีเอกลักษณ์แตกต่างจากสาย พันธุ์ดั้งเดิมมาก

ยักษ์อาหรับ ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้ 

1)
ยักษ์เยเมน < Arabicum : Yak – Yamen>
2)
ยักษ์เกษตร
   
3)
ยักษ์สิงห์บุรี < Arabicum : Yak-sing-Bu-Ri>
   
4)
ยักษ์ลพบุรี
   
5)
ยักษ์หน้าวัง < Arabicum : Yak – Na – Wang>
   
6)
ยักษ์ดำ-สายสิงห์บุรี
   
7)
เพชรเมืองคง < Petch Muang Kong >
   
   
8)
เพชรหน้าวัง A5  < Petch Na Wang A5>
   
   
9)
เพชรหน้าวัง A6 < Petch Na Wang A6>
   
   
10)
ยักษ์ดำ – สายโคราช < Black Giant – Korat >
   
   
11)
อัศวินดำ – สายโคราช < Black Knight – Korat >
   
   
12)
อัศวิน – สาย7 < Black Knight – Sai7 >
   

 

4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum ) 
ไทย โซโคทรานั่ม < Thai Socotranum >

 มีถิ่นกำเนิดในเขตอาหรับตอนใต้  จะพบได้มากที่สุดที่เกาะโซโคทร้าของเยเมน  ถือว่าเป็นชวนชมยักษ์ที่แท้จริง มีรายงานว่าพบสูงถึง 6 เมตร  โขดกว้างเกือบ 2 เมตรครึ่ง  ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเห็นความแตกต่างจากชวนชมชนิดอื่นได้อย่างชัดเจน  เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งๆ เดียว  ดูคล้ายบอนไซหรือต้นไม้ที่มีรากชี้ฟ้า  ส่วนโขดจะมีรากที่ใหญ่บิดงอซับซ้อนสวยงามมาก  ดอกดก  ออกดอกประมาณปีละ 2 ครั้ง  ในฤดูหนาวและฤดูร้อน  ดอกสีชมพูมีขนาดเล็ก  เวลาออกดอกมักทิ้งใบ  ใบมันไม่มีขน  สีเขียวเข้ม มีสีเส้นกลางใบชัดเจน
              สำหรับประเทศไทยเรา  มีผู้ไปทำงานที่ซาอุดิอาราเบีย นำกิ่งปักชำมาปลูกไว้ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “เพชรบ้านนา”  นอกจากนั้นยังมีผู้นำเข้าต้นกล้าขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยมาปลูกและเพาะเลี้ยง ที่ ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของ “ยักษ์หนองแหน (ดำริสิทธิโชค) ” ต่อมาภายหลังมีผู้นำลูกไม้ของยักษ์หนองแหนไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเทริงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “เพชรหนองแหน” หรือเจ้าของเรียกว่า “ดำริสิทธิโชค”  ต่อมาภายหลังมีผูนำลูกไม้ของเพชรหนองแหน ไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จึงเป็นที่มาของชื่อ “ยักษ์บางคล้า”  ในการนำเข้ามาในบ้านเราครั้งแรกนั้น  เข้าใจว่าเป็นยักษ์อาหรับหรือยักษ์ซาอุ ธรรมดา  ต่อมาภายหลังจึงค้นพบเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความแน่นอนชัดเจน  จึงได้แน่ใจกันว่าเป็นสายพันธุ์ “โซโคทรานั่ม” 
              ตามธรรมชาติชวนชมชนิดนี้ติดฝักค่อนข้างยาก  แต่ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีความนึ่งของสายพันธุ์สูงและมักไม่กลาย พันธุ์  จัดเป็นชวนชมสายพันธุ์ที่มีน้อยที่สุดและหาได้ยากมากที่สุด  ทั้งในประเทศ และในโลกนี้  ดังนั้นทั้งเมล็ด  ต้นกล้า  ต้นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จึงมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด  และมีราคาอยู่ในระดับสูงมาก
              เรามีเมล็ด  ต้นกล้า  ลูกไม้เพาะเมล็ด  ไม้เสียบยอด  สายพันธไทย ุ์โซโคทรานั่ม  นานาชนิดให้ท่านเลือกสรร
              ไทย โซโคทรานั่ม ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้

 

1)
เพชรบ้านนา >
 
1) ต้นแม่เป็นกิ่งปักชำ  นำเข้ามาจากประเทศซาอุดิอาราเบีย  มาปลูกที่อำเภอบ้านนา  จังหวัดนครนายก
2) ลักษณะเพชรบ้านนา
  –  ลำต้นขึ้นเป็นแท่ง  มักแตกเป็นพุ่มอยู่ด้านบน
  –  มีกิ่งก้านสาขามาก  กิ่งแผ่ขนานเกือบระนาบเดียวกับพื้น
  –  ลำต้นและกิ่งก้านมีสีขาวนวล
  –  ใบมันวาว  และเรียวยาว ใบแผ่ผ่าย  ใบไม่มีขนทั้งหน้าใบและหลังใบ
  –  ให้ดอกดก ดอกสีขมพูอ่อน  ดอกมีขนาดเล็ก ออกดอกมักทิ้งใบ  ออกดอกในฤดูหนาว และฤดูร้อน
  –  ตามธรรมชาติติดฝักยาก ฝักขนาดกลางๆ เมล็ดมีขนาดใหญ่
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความนิ่งของสายพันธุ์สูง
   
   
2)
เขาหินซ้อน < Thai Socotraunm : Kao-Hin-Zon>
 
1) ต้นแม่ได้มากจาก ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
2) ลักษณะเขาหินซ้อน
  –  ล้ำต้นขึ้นเป็นแท่ง  กิ่งใหญ่และมีกิ่งแข็ง
  –  รากใหญ่ กิ่งก้านแผ่คล้ายบอนไซ
  –  ใบมัน สีเขียวตองอ่อน  ใบห่อ  ปลายใบแหลม  ใบไม่มีขนทั้งหน้าใบและหลังใบ
  –  ตามธรรมชาติติดฝักยาก ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดมีขนาดใหญ่
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่หลากหลาย  แต่มีลักษณะที่ดี
   
   
3)
เอส 1
 
1) ต้นแม่เป็นไม้เพาะเมล็ด นำเข้ามาจากต่างประเทศ
2) ลักษณะของ “เอส1”
  –  โขดกลม  เนียนเรียบและสวย
  –  กิ่งก้านสาขาแตกเป็นพุ่มด้านบน
  –  ใบมัน  ใบกลมใหญ่  ปลายใบป้าน  มีเส้นแดงกลางใบ
  –  ดอกสีชมพูสด  กรวยดอกมีเส้นลายแดงเข้ม
  –  ตามธรรมชาติติดฝักยาก  ฝักมีขนาดกลางๆ  เมล็ดมีขนาดใหญ่
  –  ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ด  มีลักษณะที่ดี และมีความนิ่งของสายพันธุ์สูง
   
   
4)
เพชรกรุงเก่า < Petch Krung Kao>
   
   
5)
บางคล้า
   
   
6)
ชฏาทอง 
   
   
7)
ชฏาเพชร 
   
   

8)

มงกุฏทอง  < Golden Crow>
   
   
9)
มงกุฎเพชร
   
   
10)
เพชรกาญจนา
   
   
11)
เพชรพระนคร
 

เรื่องการดูแลฝักเพชรบ้านนา

18 พ.ค.

หลังจากเขี่ยเกสรประมาณ 2 สัปดาห์ ฝักก็จะเริ่มเจริญเติบโต ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเริ่มให้น้ำเพราะถ้าขาดน้ำอาจจะทำให้ฝักล่วงหรือทำ ให้เมล็ดภายในไม่สมบูรณ์ได้ จึงควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยการให้น้ำ
จะให้ในช่วงเช้า ให้พ่อประมาณ หรือจะให้เปียกไปเลยก็ได้ แต่อย่าถึงขั้นท่วมขัง

การให้ทางใบจะเป็นการฉีดอาหารเสริมพวกสาหร่าย กับฮอร์โมนพวก NAA จะช่วยทำให้การเจริญเติบโตของฝักเร็วขึ้นและทำให้ขั้วฝักเหนียวไม่หลุดล่วง ได้ง่าย แล้วยังช่วยทำให้เกสรตัวผู้สมบูรณ์อีกด้วย NAA อัตราที่ใช้ 1-2 cc.ต่อน้ำ 20 ลิตร
พวกสาหร่ายใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

การใช้ฮอร์โมน NAA ใช้ 2 ครั้ง โดยใช้สัปดาห์ละครั้งก็พอหลังจากนั้นฝักเริ่่มโตแล้วขั้วฝักใหญ่สมบูรณ์ดี ก็หยุดใฃ้ได้แล้วครับส่วนการใส่ปุ๋ยให้ใส่สัปดาห์ละครั้ง ปกติแล้วฝักจะมีอายุประมาณ 3 เดือน ฝักก็จะแก่ ดังนั้นช่วงเดือนที่ 3 ให้หยุดการให้ปุ๋ยได้แล้วครับ และการให้น้ำควรให้น้อยลง ให้ดินมีความชื้นน้อยๆ เพื่อให้ฝักแก่ตามกำหนด คือ 90 วัน ถ้ายังให้น้ำอยู่จะทำให้ฝักแก่ช้าออกไปอีก หรือช่วงฝักแตกจะทำให้ฝักมีความชื้นสูง ก่อนฝักจะแตกประมาณ 3 วันฝักจะเปลี่ยนจากสีเขียว
เป็นสีเขียวอมเหลือง แล้วจะแตกออกให้นำมาแกะออกผึ่งลมไว้สัก
2-3 วัน แล้วนำไปเพาะได้ยังไม่จบนะครับ มาต่อเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับการถือฝักของเพชรบ้านนา และแนวทางในการแก้ไขกัน ครับ

1.ปัญหาติดฝักแล้วล่วง ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ เชื้อราที่มากับน้ำค้างหรือมาตามลมทำให้ขั้วฝักสลัดทิ้ง อีกอย่างหนึ่งก็คือการขาดน้ำอย่าต่อเนื่องเพราะว่าหลายท่านคิดว่าการรดน้ำ อาจจะทำให้ฝักล่วงและต้นไม้จะแตกใบอ่อนไม่ออกดอก เป็นการเข้าใจผิด จริงๆแล้วการที่เราปล่อยให้ไม้พักตัวโดยการ อดน้ำและอากาศหนาวเย็นตามธรรมชาติ ต้นไม้ก็จะออกดอก แต่ช่วงที่ติดผลแล้วควรเริ่มให้น้ำที่ละน้อยจนถึงให้ตามปกติ คือวันละครั้ง แล้วให้ปุ๋ยบ้างตามที่ได้กล่าวมา ต้นไม้จะแตกใบบ้างก็ไม่เป็นไรกลับจะเป็นผลดีเสียอีก เพราะใบจะช่วยส่งอาหารไปเลี้ยงฝักให้เจริญเติบโตได้เร็ว
โดยไม่ต้องดึง อาหารที่ลำต้นที่สะสมไว้ออกมามากเกินไปทำให้ฝักไม่สมบูรณ์เมล็ดรีบได้ ส่วนเรื่องเชื้อราเราแก้ปัญหาโดยการฉีดยากันเชื้อราทุกสัปดาห์ การฉีดควรสลับชนิดของยาไปเรื่อยๆอย่าให้ซ้ำเพราะจะทำให้เชื้อราดื้อยาได้ การติดฝักมากไปในกิ่งเดียวกันก้อาจสลัดฝักทิ้งได้เหมือนกัน ครับ

2.ปัญหา ฝักล่่วงดเพราะถูกน้ำฝน ผมเคยได้ฝังมาจากหลายท่านว่าในน้ำฝนมีไนโตรเจนสูงทำให้ชวนชมสลัดฝักทิ้ง จริงๆแล้วเป็นคำตาบที่ผิด ความจริงความคิดหลายอย่างที่ผมว่ามัไม่ถูกต้องนักแต่บางครั้งเป็นความเห็น ของผู้รู้ทั้งนั้นผมเองก็ไม่อยากขัด เรามาดูสาเหตุของการสลัดฝักของชวนชมและวิธีการป้องกันและแก้ไขกันดีกว่าก่อน อื่นต้องตั้งคำถามก่อนว่าในน้ำฝนมี N อยู่กี่ % แต่ที่รู้ๆในปุ๋ยสูตร 16-16-16 มี N อยู่ 16 %แน่นอนหมายความว่าในปุ๋ย 100 ก.ก.มี N อยู่ 16 ก.ก ผมลองใส่ปุ๋ยเข้าไปอย่างเต็มที่ก็ไม่เห็นฝักของชวนชมจะล่วง แต่โดนฝนแล้วมันล่วงได้อย่างไร สาเหตุที่จริงก็คือระหว่างข้อป้องของขั้วผลไม้ ฝักชวนชมด้วยเช่นกันถ้าถุกน้ำฝนที่มีสารหลายอย่างร่วมทั้งไนโตรเจนด้วย จะทำให้ขัวของผลไม้เกิดฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอทธิลีนที่สามรถทำให้ผลไม้สุกและขั้วหลุดล่วงได้ การปล้องกันทำได้ 3 วิธี คือ 1 ทำให้ไม้ออกดอกก่อนฤดูกาลแล้วให้ฝักแก่ก่อนที่จะโดนฝนวิธีที่ 2 ถ้าถูกฝนให้รีบฉีด ฮอร์โมน NAA จะช่วยให้ขั้วเหนียวไม่หลุดง่าย วิธีสุดท้าย สร้างโรงพลาสติกสำหรับเก็บแม่พันธุ์ ครับ

3.ปัญหาเรื่องเน่าปลายฝัก
ก็มีการวิเคราะห์กันไปหลายสาเหุต บางคนว่าเป็นเชื้อรา บางคนว่าเป็นสาเหตุมาจากความเค็มของมือที่ไปจับถูก บางคนก็ว่ามาจากการฉีดปุ่ย ยา ฮอร์โมน มากเกินไป บ้างคนบอกขาดธาตุอาหารบางอย่าง แต่ที่คิดตรงกับผมก็มีนะครับก็คือถูกแมลงมาวางไข่เช่นพวกมวนแดงฝ้ายและแมลง วันทอง โดยการต่อยและวางไข่ การป้องกัน ก็คือเมื่อติดฝักก็ควรจะเริ่มฉีดยาฆ่าแมลงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และนำถุงนิรภัยใส่ตั้งแต่ฝักขนาดพอจะเริ่มห่อได้ ก็ห่อได้เลยครับ ถ้ามันเกิดเน่าไปแล้วล่ะทำอย่างไรเห็นเมื่อไหร่ให้รีบใช้มีดตัดออกและใช้ปูน แดงทา อาจจะช่วยได้ แต่ถึงอย่างไรฝักก็จะแก่ก่อนกำหนดอยู่ดี เมล็ดที่ได้จะสมบูรณ์ไม่ 100 %

ความยาวยาวของฝักที่โตเต็มที่ ครับ

 

ชวนชมดอกซ้อน

4 พ.ค.

คัดลอกมาจากนิตยสารไม้ดอกไม้ประดับ (ปักษ์ แรก เมษายน 2553)
เอาแต่ใจความสำคัญ ละ กัน
ในวงการรู้กันดีว่าผู้พัฒนาชวนชมดอกซ้อน ได้เป็นคนแรกคือ “เฮียคุง” สวนหัสดี และเขาน่าจะเป็นคนแรกที่รู้ว่า หากนำเกสรตัวผู้ของ “แดนซิ่งเลดี้” ซึ่งเป็นชวนชมดอกซ้อนต้น ตำรับจากใต้หวันมาเข้ากับเกสรตัวเมียของชวนชมไม้สีพันธุ์อื่น ลูกที่ได้จะมีเปอร์เซ็นต์ได้ลูกไม้ซ้อนสูง เพียงแต่เขากุมความลับนั้นไว้อย่างใจเย็นเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี กว่าที่เขาจะคายความลับนั้นออกมา เขาก็มีดอกซ้อนพันธุ์เด็ดออกมาหลายเบอร์แล้ว ซึ่งแต่ละเบอร์สร้างความฮือฮาให้กับวงการทั้งสิ้น และที่สำคัญก่อนเปิดตัวเขาได้นำลูกไม้ดอกซ้อนไปพัฒนาต่อในเจเนอเรชั่น ที่ 2 ที่ 3 แล้วจนยากที่ใครจะตามทัน นี่คือความเหนือชั้นที่เกิดจากฝีมือและความใจเย็นสุด ๆ
(สรุป คนไทยนี้เก็ง จริง ๆ) ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงไม้ครับ

ที่มา:http://www.pantown.com/board.php?id=3402&area=4&name=board4&topic=2377&action=view

วิธีปลูกต้นกล้าชวนชม

14 เม.ย.

การตัดแต่งกิ่งชวนชม

26 มี.ค.

  ธรรมชาติของชวนชมจะมีลักษณะทรงต้นและการบิดตัวที่สวยงามอยู่แล้ว  แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีการตัดแต่งบังคับรูปทรงให้เป็นไปตามต้องการ  โดยเฉพาะชวนชมที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปหรือต้นที่โตแล้ว  มีกิ่งก้านสาขาเก้งก้างไม่เป็นพุ่มสวยงาม  การตัดกิ่งควรตัดกิ่งก้านที่แตกออกมาเกะกะไม่เป็นระเบียบ  กิ่งที่พาดทับกันไปมา  กิ่งที่ตาย  กิ่งที่ฉีกหัก  กิ่งที่คดไปมา  และกิ่งที่เป็นโรคออกบ้าง  เพื่อช่วยเปิดให้แสงและอากาศถ่ายเทได้สะดวก  ลักษณะทรงพุ่มเป็นระเบียบสวยงาม  สำหรับพันธุ์ที่ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน  สูงชะลูด  ลำต้นอาจหักเมื่อโดนลมแรง  อาจตัดยอดไปขยายพันธุ์  เพื่อให้ส่วนโคนที่เหลือแตกกิ่งออกมาใหม่  การตัดควรใช้มีดที่คมและสะอาดตัดให้ชิดลำต้น  ไม่ควรเหลือตอกิ่งไว้  ถ้ารอยตัดมีขนาดโตกว่า 1 ซม.  ควรใช้ปูนแดงทาที่รอยตัดเพื่อป้องกันเชื้อรา

การเพาะเลี้ยงชวนชมที่จะให้เจริญเติบโตเร็ว

25 มี.ค.

การเพาะเลี้ยงชวนชมที่จะให้เจริญเติบโตเร็ว และสมบูรณ์ จะต้องเข้าใจถึงธรรมชาติเสียก่อน

    ลักษณะของชวนชมเป็นไม้ประเภทสะสมอาหารซึ่งแบ่งการสะสมอาหารออกเป็น สองชนิด คือ สะสมอาหาร

    ทางราก ได้แก่พวกฮอลแลนด์ และประเภทสะสมอาหารทางลำต้น เช่น พวกโซโค การสะสมอาหารของพืช

    ตามธรรมชาติจะเป็นการเก็บอาหารและน้ำไว้ใช้ในฤดูการที่ขาดน้ำและอาหาร โดยเฉพาะ ต้นที่ขึ้นอยู่ตาม

   ทะเลทรายและซอกหินตามภูเขา บางต้นที่เห็นกันในรูป อาจจะมีอายุเป็น 100 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะ

  เป็นการเจริญเติบโตแบบธรรมชาติ ถ้าจะให้การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จะต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

  อันดับแรก จะต้องคอยเปลี่ยนดินและเปลี่ยนกระถางบ่อยๆ ดินที่ปลูกจะต้องมีความโปร่ง ระบายน้ำดี

  การใส่ปุ๋ยให้ใช้ปุ๋ยคอกควบคู่กันกับปุ๋ยเคมี ในช่วงฤดูฝนควรใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ให้ดูแหล่งที่มา

  ของปุ๋ยแต่ละตราด้วย ให้ใช้ปุ๋ยที่มาจากทางแถบ ยุโรป หรืออเมริกา ในช่วงฤดูแล้งต้นไม้ส่วนใหญ่

  จะเริ่มสะสมอาหารและพักตัว เพื่อเตรียมออกดอกขยายพันธุ์ ถ้าอยากให้โตเร็วจะต้องให้ปุ๋ยสูตร

 16-16-16 และใช้ปุ๋ยน้ำชีวะภาพช่วยให้ดินปรับสภาพ การให้ปุ๋ยเคมีแต่ละครั้งจะต้องให้น้อยๆ แต่

  ให้บ่อยๆ ประมาณ 7 วัน ครั้ง จะทำให้ต้นไม้โตเร็ว และใช้ประโยขน์จากปุ๋ยได้เต็มที่ สิ่งที่จะต้องหา

  มาใส่ คือสารปรับสภาพดิน ที่มีธาตุอาหารเสริมผสมอยู่ด้วย เช่นซุปเปอร์เทอร์โบ สารพวกนี้จะช่วย

  ปรับ ความเป็นกรดเป็นด่างให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมทำให้พืชดูดซึมปุ๋ยไปใช้ได้ดีขึ้น สำหรับชวนชม

  ประเภทโซโค ถ้าเร่งมากเกินไปอาจทำให้กิ่งก้านยืดยาวผิดปกติ ไม่สวย แต่ถ้าเลี้ยงจนได้ขนาดแล้ว

  ก็ควรเลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติบ้าง จะทำให้สภาพของลำต้น และกิ่งกลับมาตรงตามสายพันธุ์ของ

  เขาเอง

วิธีทำให้ชวนชมโขดใหญ่

25 มี.ค.

เริ่มจากเพาะเมล็ดครับ ต้องใจเย็นถ้าอยากได้โขดใหญ่ ตอนแรกที่เพาะ เน้นรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ และวางไว้ร่มรำไร เลี้ยงไปจนต้นเค้าเท่านิ้วชี้ น่าจะราวๆ 2-3 เดือน จึงแยก แล้วย้ายลงกระถาง พร้อมเฝ้าดูการโต

ตอนนี้เริ่มออกแดดเต็มวัน และเฝ้าดูยอดและการแตกใบครับ ที่เขียนมามีตกทริกอยู่ที่ตรงนี้ครับเรื่องการริดใบเบื่อบีบข้อให้ถี่ ทำฟอร์ม เลี้ยงฟอร์ม บังคับข้อ

การริดใบ ไม่รู้เรียกถูกมั้ย แต่ที่ทำคือ ตัดใบทิ้งในตำแหน่งเกือบจะก้านใบเพื่อบังคับให้เค้าทิ้งใบข้อจะได้สั้นๆ การริดให้ทำทุกใบ ยกเว้นใบที่อยู่ยอด จะริดก็ได้แต่ให้เหลือไว้เยอะหน่อยครับ และให้ทำวันที่แดดจัดๆ

ตอนนี้ทำแค่ริดใบก่อนครับ แล้วก็คอยบำรุงเค้าให้ดี ทั้งน้ำปุ๋ยแดด พอผ่านไปซัก 3 เดือน ค่อยเปลี่ยนดิน

หลังเปลี่ยนดินและเลี้ยงไปได้หน่อย ก็มาการทำฟอร์ม หรือการทำให้แตกกิ่ง ข้อนี้ง่ายๆครับ ปกติกิ่งที่อยากให้แตก ก็จะเป็น 2 กิ่ง ซ้าย หรือขวา หรือรอบทิศ วิธีก็คือถ้าต้องการให้แตกกิ่ง เราก็จัดการดึงใบตรงนั้นให้เกิดแผล วิธีดึงให้ดึงใบลงด้านล่างจนหลุดใบออก จะได้แผลขึ้นมา 1 แผล เรื่องตำแหน่ง ความสูง กะเองตามใจชอบนะครับ

ถ้ากิ่งแตกออกมาแล้ว ทีนี้ใบตรงปลายยอดหลักที่เราริดให้ยาวไว้ ก็เริ่มริดให้สั้นได้แล้ว หันมาริดและเหลือยอดใหม่แทนครับ

ทีนี้ก็น่าจะประยุกต์ใช้กันได้แล้วครับ

การผสมพันธุ์

17 มี.ค.

ดอกชวนชมเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน แต่เกสรตัวผู้และตัวเมียมีระยะเวลาการสุกหรือแก่ไม่พร้อมกัน เกสรตัวผู้จะฝ่อเร็วกว่า ดังนั้นการผสมเกสรจึงมักเกิดจากการผสมของเกสรตัวผู้ของดอกอื่น การผสมพันธุ์ชวนชมเพื่อให้ได้พันธุ์ชวนชมพันธุ์ใหม่หรือลูกไม้ใหม่ที่มี ลักษณะแตกต่างไปจากต้นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มักเป็นการช่วยผสมเกสรโดยมนุษย์ การผสมเกสรมีหลักสำคัญคือ ต้องคัดเลือกต้นพ่อแม่พันธุ์ที่มีทรงดอกสวย สีสวย ดอกบานทน แข็งแรง ต้นพ่อแม่พันธุ์ที่ดีจะทำให้มีโอกาสมากที่จะได้พันธุ์ลูกผสมที่ดี เวลาที่เหมาะในการผสมเกสรคือช่วงเช้าเวลา 5.00-8.00 น. และช่วงเย็นเวลา 19.00-20.30 น. เลือกดอกพ่อพันธุ์ที่บานแล้ว 2-3 วัน ดึงระยางค์ทั้งห้าเส้นออกมาเบาๆ จะเห็นเกสรตัวผู้เหมือนเม็ดทรายเล็กๆ สีเหลืองอมเขียวอยู่รวมกันเป็นกลุ่มภายในดอก บีบโคนและคลึงเบาๆ ให้ส่วนโคนของระยางค์ที่หุ้มปิดเกสรตัวผู้เปิดออก ใช้พู่กันขนาดเล็กที่สะอาดป้ายละอองเกสรตัวผู้ให้ติดปลายพู่กันขึ้นมาเบาๆ เลือกดอกแม่พันธุ์ที่บานแล้ว 2-3 วัน ดึงระยางค์ทั้งห้าเส้นออกจากดอกแม่พันธุ์ บีบบริเวณโคนกลีบดอกและคลึงเบาๆ ให้อับที่หุ้มเกสรตัวเมียเปิดออก ถ้ามีละอองเกสรตัวผู้ของดอกแม่พันธุ์ติดอยู่ให้เขี่ยออกก่อน แล้วใช้พู่กันที่มีละอองเกสรตัวผู้ของดอกพ่อพันธุ์ป้ายลงไปที่หลอดเกสรตัว เมียเบาๆ ดอกชวนชมที่ได้รับการผสมแล้วจะติดฝัก 1 ดอกจะได้ 2 ฝักอยู่ติดกันคล้ายเขาควาย เมื่ออายุมากขึ้นฝักจะเหยียดตรง ระยะที่เริ่มติดฝักจนถึงเมล็ดแก่ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ในหนึ่งฝักจะมีเมล็ด 80-150 เมล็ด เมล็ดจะมีขนเป็นปุยที่หัวและท้ายเมล็ด สามารถปลิวตามลมไปงอกในที่ไกลออกไปได้ ดังนั้นเมื่อฝักเริ่มแก่และเริ่มปริจึงควรเก็บเมล็ดไปเพาะก่อนที่เมล็ดจะ ปลิวไปหมด

เทคนิค การให้ชวนชมออกดอกดกพร้อมกันทั้งต้น

16 มี.ค.

1. ดอกออกตามฤดูการ ชวนชมจะออกดอกสองครั้งต่อปีครับประมาณปลายเดือน พย. ไป ถึง ปลาย มค. และอีกช่วงคือเดือน เม.ย.ถึงเดือน พค. ครับ แต่ที่ออกมากสุดก็เป็นช่วงหนาวครับ เมื่อเรารู้ธรรมชาติอย่างนี้แล้วก็ต้องเฝ้าสังเกตครับ ว่าเมื่อเห็นชวนชมเริ่มแตกตาดอก หรือบางพันธุ์ใบจะร่วง(ไม่โรคนะให้ดูดีๆหน่อย) เราก็ช่วยส่งดอก ถ้าเราอยากให้ออกเต็มๆโดยการงดน้ำครับ ประมาณ 10 วัน พอดอกเริ่มจะบานก็รีบให้น้ำครับจะช่วยให้ดอกอยู่ทน นานกว่าปกติครับ การสังเกตธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งคือช่วงปลายฝนต้นหนาวครับ ถ้าเราสังเกตจะพบว่าไม้เมื่อได้รับน้ำเต็มจากช่วงฝนแล้ว เมื่อฝนหยุดตกก็จะตีดอกเพื่อผสมพันธุ์นั้นเองครับ เมื่อรู้เวลานั้นเราก็ส่งดอกโดยการไม่รดน้ำครับดอกก็จะออกเต็มเลยครับ
2. ทำดอกโดยหลอกธรรมชาติ มีหลักการนิดเดียวครับหลอกให้ต้นไม้ว่าตัวมันจะตาย พอไม้รู้ว่ามันจะตายก็จะสืบพันธุ์เพื่อรักษาความสมดุลตัวมันใว้กับธรรมชาติ นั้นเอง ถ้าไม้ดอกก็จะออกดอก ถ้าไม้ใบก็จะแตกกิ่งแตกใบ ฟังดูแล้วอาจจะงงๆอยู่บ้าง ผมขอยกตัวอย่างดังนี้
a. ถอดรากหรือล้างราก หรือโยกโคนต้นให้รากฝอยขาด แต่ไม่เกี่ยวกับที่บางท่านถอดไม้แขวนนะครับเหตุผลต่างกัน การทำแบบนี้นั้นต้นไม้กว่าตัวเองตายครับ เมื่อเราลงปลูก หรืองดน้ำไม้ก็จะตีดอก วิธีนี้เราอาจจะตัดไปช่วยก็ได้นะครับ วิธีการนี้บรรดาเซียนๆจะใช่แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไหร่ ไม้บางตัวโดยกลุ่มฮอลแลนด์จะใช้แบบนี้โดยกำหนดวันได้เลยเช่น ช๊อกกี้พิ้ง ก็ประมาณ 30-35 วัน หลังถอนล้างรากแล้วปลูกใหม่ก็จะเห็นดอก ส่วน ราชินีก็ประมาณ 45 วันครับ
b. การเปลี่ยนดิน เหตุผลคงเหมือนประเด็นแรก ถ้าเราสังเกตหน่อยว่าทำไหมหลังเปลี่ยนดินแล้วใบร่วงจากนั้นก็ออกดอก เหตุผลก็คือรากฝอยกระเทือนนั้นเอง
3. ทำดอกโดยสารเคมี วิธีนี้จะใช้กันมากสำหรับเจ้าของสวนที่ทำไม้เสียบสีขาย(ฮอลแลนด์) ตัวยาผมจะหาให้อีกทีนะครับจำชื่อไม่ได้ขอติดไว้ก่อน ยาที่ว่าก็เร่งดอกนั่นเอง ส่วนผสมก็น่าจะมีพวกแคลเซียมมากๆหน่อย หรือถ้าใครมีเพื่อนเล่นบอนไซก็ถามดูกำด้ว่าเขาใช้ยาอะไรสำหรับเร่งให้ไม้แตก กิ่งตา ผมเคยซื้อไม้สีมาจากสวนตอนอยู่ทีสวนเขาออกดอกดีมากๆๆแต่พอมาอยู่ทีผมไม่ออก ดอกเลย นี้คือเหตุผลที่ผมไม่ใช้สารเคมีครับ